ไลลา
พีทเด็กหนุ่มวัยรุ่น หน้าหวาน มีลักยิ้มน่ารัก ผู้เกิดมาพร้อมหัวใจไม่สมบูรณ์ เมื่อหัวใจเกิดขัดข้องจนต้องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อรอคิวเปลี่ยนถ่ายหัวใจ ก็พบกับไลลาสาวน้อยลึกลับในโรงพยาบาล
ผู้เข้าชมรวม
230
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ไลลา
ไลลาคือชื่อของเธอ แปงคือชื่อของผม เรื่องราวของผมเกิดขึ้นจากที่ผมเกิดมาพร้อมกับหัวใจที่ไม่สมบูรณ์ หัวใจห้องหนึ่งของผมไม่บีบเลือด หมอจึงทำการผ่าตัดตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก โดยผ่าข้ามหัวใจห้องนั้นไป เพื่อทำให้เลือดไหลเวียนได้ปกติ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น พ่อแม่และอาจารย์ที่โรงเรียนสั่งห้ามไม่ให้ผมทำกิจกรรมหนัก หรือเล่นกีฬา ทุกคนมักจะมองว่าผมอ่อนแอ ถึงผมจะเหนื่อยง่ายบ้าง แต่ผมก็สามารถทำกิจกรรมได้ทุกอย่าง แถมยังเป็นนักกีฬารักบี้ของโรงเรียน ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั่ง…..
“โอ้ย” แปงถึงกับเป็นลมสลบกลางสนาม เมื่อโดนกระแทกหน้าอกจากเพื่อนร่วมสนามในขณะที่ซ้อมรักบี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่า ไอซ์จงใจกระแทกจนแปงสลบ เมื่อเขาฟื้นมาอีกที ก็อยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว ผลจากการกระแทกดูจะร้ายแรงกว่าที่เขาคิด หัวใจห้องที่ไม่ยอมบีบเลือด ที่เคยถูกผ่าตัดให้ทำงานข้ามไป ดูเหมือนจะเกเรขึ้นมาอีกแล้ว แปงสังเกตจากสีหน้าของพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่ที่เอาแต่ร้องไห้ ก็ทำให้เขารู้ว่าคราวนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป หากเขายังฝืนใช้ร่างกาย เขาก็คงต้องลาจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 17 ปี
หมอแจ้งพ่อแม่แปงว่า เด็กหนุ่มจะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลอีก จนกว่าจะได้รับการปลูกถ่ายหัวใจใหม่จากผู้บริจาค ซึ่งในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนรอคิวบริจาคหัวใจ จากวันก็กลายเป็นสัปดาห์ และล่วงไปเป็นหลายเดือนแล้วที่แปงต้องนอนอยู่แต่ในโรงพยาบาล ถึงเด็กหนุ่มจะยืนยันกับทุกคนว่า เขารู้สึกแข็งแรงดีขึ้นแล้ว แต่ผลตรวจของเขากลับแสดงผลออกมาตรงกันข้าม
วันเวลาในโรงพยาบาลของแปงผ่านไปด้วยความน่าเบื่อ พ่อแม่ของเขาไม่ยอมให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ เขาต้องเรียนออนไลน์ และคอยทำงานส่งอาจารย์ โดยผู้ที่รับหน้าที่คอยนำการบ้านมาให้เขาคือ ไอซ์ ผู้ที่อาจารย์มอบหมายหน้าที่ให้ เพราะเห็นว่าไอซ์เป็นสาเหตุที่ทำให้แปงต้องนอนโรงพยาบาล
“เมื่อไหร่มึงจะหายป่วยวะ” ไอซ์โยนสมุดการบ้านบนเตียงเด็กหนุ่มอย่างแรง “กูไม่ได้แกล้งนะ มึงไม่คิดบ้างว่า กูก็เบื่อที่ต้องมานอนอยู่แบบนี้” แปงพูดออกมาอย่างน้อยใจพร้อมสีหน้าที่สลดลง ไอซ์มีสีหน้าเปลี่ยนไป ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าแปง เนื่องจากหมั่นไส้ที่มันหน้าตาดี มีลักยิ้ม ท่าทางนิ่มๆ แต่ก็เป็นนักกีฬารักบี้ แถมยังเป็นที่รักของเพื่อน “เออ กูรู้แล้ว เลิกทำหน้าหมาหงอยใส่กูได้แล้ว มึงอยากให้กูรู้สึกแย่ทุกครั้งที่มาโรงพยาบาลหรือไง” ไอซ์พูดพลางกดรีโมตเปิดช่องกีฬา แถมยังเปิดขนมของแปงกินอย่างสบายใจ แปงค่อยมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น ถึงไอซ์ไม่ใช่เพื่อนคนโปรดของเขา แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครเลย ในตอนกลางวันที่เพื่อนทุกคนอยู่ที่โรงเรียน มีเพียงแปงต้องนอนอยู่บนเตียงคนเดียว เขานึกอยากเร่งเวลาให้โรงเรียนเลิก เพื่อที่ว่าไอซ์จะได้เอาการบ้านให้เขา
“มึงรีบทำงานเร็วๆ กูจะได้กลับบ้านไปดูบอลต่อ” เด็กหนุ่มเร่งเพื่อน “งานมันเยอะนะ ต้องใช้เวลา ทำไมมึงไม่ค้างที่นี่ละ” แปงเสนออย่างมีความหวัง “ไม่เอา ถามจริงๆ มึงนอนโรงพยาบาลมาสองเดือนละ มึงไม่เคยเจอผีเหรอ ใครๆก็รู้ว่าที่โรงพยาบาลผีเยอะ พยาบาลของชั้นนี้ท่าทางดุด้วย” แล้วไอซ์ก็บ่นต่อ เรื่องไม่มีพยาบาลสวยๆ จนเขาทำงานส่งอาจารย์เสร็จแล้วมันก็กลับไป
เมื่อถึงเวลานอน แปงกลับนึกถึงคำพูดของไอซ์ ถึงจะแอบหวั่นๆ แต่เด็กหนุ่มก็พยายามข่มตานอน พอเขารู้สึกเคลิ้มๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น เขาก็ได้ยินเสียงประหลาด เป็นเสียงกรอบแกรบเหมือนเสียงคนหักกระดูก
ตามสัญชาตญาณทำให้แปงมองหาที่มาของเสียง จนสุดท้ายเขาก็เหลือบตามองบนเพดานเหนือหัว แล้วเขาก็เห็นเธอ หญิงสาวสวมชุดคนไข้เกาะอยู่บนเพดาน อย่างที่มนุษย์ปกติไม่สามารถทำได้ แล้วเธอก็หมุนคอเสียงดังมามองเขาพร้อมแสยะยิ้มให้ ในสภาวะที่กลัวถึงขีดสุด แปงขยับตัวไม่ได้ หัวใจเขาเต้นแรง จนเขารู้สึกว่าแม้แต่หัวใจห้องที่ไม่บีบเลือด ก็กลับมาบีบเลือดอย่างแรง หญิงสาวกระโดดจากเพดานลงมาคล่อมตัวเด็กหนุ่ม ผีสาวจ้องตาแปง และฉีกยิ้มกว้างไปถึงใบหู ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายลง ก็มีเสียงเปิดประตูเบาๆ แสงสว่างจากโถงทางเดินที่ลอดเข้ามา ทำให้แปงมองตามแสงสว่าง แล้วผีร้ายก็หายไป
แปงหลุดจากอาการผีอำ รีบวิ่งตาลีตาเหลือก โกยแนบออกไปนอกห้องทันที ถึงแม้จะตกใจ แต่หางตาเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงผมยาว สวมเสื้อฮู้ดสีแดงหายเข้าห้องผู้ป่วยไป หลังจากที่เขายืนหอบอยู่คนเดียวหน้าห้อง พอแน่ใจว่าไม่มีอะไรอยู่ในห้อง เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าห้องไป ที่ลูกบิดประตูหน้าห้อง มีถุงพลาสติกใสแขวนไว้ ในถุงมีช็อกโกแลต M&M พร้อมกระดาษโน้ตแปะไว้ “กินครั้งละเม็ด แล้วจะนอนหลับฝันดี” เธอวาดรูปสมายลี่หน้ายิ้มไว้ใต้ข้อความ แปงรู้สึกประหลาดใจ รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ตัดสินใจลองกิน แล้วปิดไฟสว่างทั่วห้องก่อนจะหลับด้วยความอ่อนเพลีย จากการที่หัวใจสูบฉีดเลือดมากเกินไป หลังจากที่เขากินM&M แปงก็นอนหลับสนิทตลอดคืน แถมยังรู้สึกได้ถึงพลังงานบวกที่วนเวียนอยู่รอบๆตัวเขา ทำให้เขาตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยความสดชื่น
ในช่วงเช้า พี่พยาบาลสาวหน้าดุ เธอสวมแว่นตาหนา เข้ามาวัดความดันคนไข้ตามปกติ ในสายตาแปง พี่พยาบาลที่ชื่อน้ำอ้อยก็หน้าตาดี เสียแต่เธอชอบทำหน้าขรึม และไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าที่ควร “พี่น้ำอ้อยครับ ในห้องที่ผมนอนอยู่นี่ เคยมีคนเสียชีวิตในห้องไหมครับ” แปงถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะประโยคจริงที่เขาอยากจะถามคือ “ห้องนี้มีผีไหมครับ เพราะผมถูกผีหลอกเมื่อคืน” แต่คำตอบของพยาบาลกลับทำให้เขาใจเสียมากกว่าเดิม “มีสิคะ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะคะ ทุกที่ในโรงพยาบาล มีทั้งคนเกิด คนตายอยู่ทุกวัน น้องแปงอย่าคิดอะไรไร้สาระดีกว่าคะ” พยาบาลสาวตอบเสียงเรียบเฉย “ผมเห็นเด็กผู้หญิงผมสีทอง สวมเสื้อฮู้ดสีแดงแถวหน้าห้องผมด้วย” “ไลลา” เธอพึมพำกับตัวเอง และก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์ออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่ความงุนงง สับสนให้แปง “ไลลา” เขาทวนประโยคด้วยความสงสัย
หลังจากนั้น ไม่ว่าแปงจะไปไหนในโรงพยาบาล เขามักจะเห็นเด็กสาว ย้อมผมสีทอง สวมฮู้ดสีแดงอยู่เสมอ พอเขาพยายามจะเพ่งมองเธอให้ชัด เด็กสาวก็มักจะหายตัวไป แปงรู้สึกประหลาดใจ เพราะนอกจากการตรวจร่างกายตามปกติ แพทย์ประจำตัวยังเพิ่มรายการให้แปงไปพบจิตแพทย์สำหรับวัยรุ่นเพิ่ม
“คุณหมอครับ ผมเริ่มจะเป็นบ้าแล้วหรือครับ หมอดลถึงต้องให้ผมมาพบจิตแพทย์” แปงรีบเปิดบทสนทนาทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้อง คุณหมอสนจิตแพทย์อดเอ็นดูในความช่างสงสัยของเด็กหนุ่มคนไข้ใหม่
“นั่งก่อนสิแปง แล้วเราค่อยมาคุยกัน” หลังจากหมอสนอ่านข้อมูลของคนไข้คร่าวๆ หมอก็ให้คำปรึกษา “สาเหตุที่แปงถูกส่งมาพบหมอ ไม่ใช่เพราะแปงเป็นบ้านะครับ แต่เพราะว่าคนไข้ที่อยู่ในระหว่างการรักษาตัว มักจะมีสภาวะความเครียดแฝงอยู่ ดังนั้นมันจะเป็นการดี ที่คนไข้จะได้ปรึกษาจิตแพทย์”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมอสนมีจิตวิทยาในการโน้มน้าวสูง หรือเพราะท่าทางเป็นกันเองของหมอ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย เขาจึงเริ่มเปิดใจทีละน้อย “ช่วงนี้ แปงรู้สึกยังไงบ้าง มีความลำบากอะไรในการักษาไหม” เด็กหนุ่มหยุดคิด ถึงแม้ว่าเขาอยากจะหนีจากโรคที่เขาเป็น แต่ก็ไม่ได้เครียดถึงขั้นอยากจะหนีจากโลกนี้ไป โลกนี้ก็ยังสวยงามน่าอยู่สำหรับเขา ถึงแม้ว่าขั้นตอนการรอเปลี่ยนถ่ายหัวใจจะมีความหวังริบหรี่ หากพิจารณาจากคิวการรอหัวใจ จากผู้บริจาคกับสัดส่วนผู้รับบริจาค
“ก็ไม่เชิงครับ แต่มีบางครั้งที่ผมคิดว่า ผมเห็นวิญญาณ ถ้าจะพูดให้เจาะจง ผมคิดว่าผมเจอผีคนไข้ครับ” แปงพูดหยั่งเชิง พร้อมทั้งสังเกตท่าทางของหมอที่มีต่อเรื่องที่เขาพูด หมอสนกลับไม่ได้มีท่าทางขบขันหรือว่าไม่เชื่อ
“เรื่องนี้อาจจะต้องถกกันยาวนะแปง หมอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจคน ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผี ทุกอย่างที่แปงพูดก็มีความเป็นไปได้ ถ้าแปงเจอวิญญาณก็อาจจะเป็นเพราะเขาอยากให้แปงเห็น หรืออาจจะต้องสื่อสารอะไรบางอย่าง ไว้หมอขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องนี้แล้วเราค่อยมาคุยกันในรายละเอียดครั้งถัดไปดีไหม” “ครับ” แปงนึกชอบวิธีการพูดอย่างมีหลักการของหมอ
ก่อนเขาจะเดินออกจากห้องไป เขาตัดสินใจหันมาพูดกับหมออีกครั้ง “หมอครับ นอกจากวิญญาณแล้ว ผมยังเห็นเด็กสาวผมสีทอง สวมเสื้อฮู้ดสีแดงอยู่บ่อยๆ ด้วยครับ เป็นไปได้ไหมว่า ผมจะคิดจินตนาการเธอขึ้นมาเอง เหมือนตอนจบของการ์ตูนโดเรม่อน ที่โนบิตะนอนป่วยจินตนาการว่า มีเพื่อนสนิทคือโดเรม่อน” เขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่แปงก็ต้องประหลาดใจ เมื่อหมอตอบว่า “เธอไม่ได้จินตนการเรื่องทั้งหมดไปเอง เด็กหญิงที่เธอพูดถึงมีตัวตนจริง เธอชื่อไลลา เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลนี้”
ตกดึกในขณะที่แปงกำลังจะเข้านอน ยาที่หมอดลสั่งให้เขา คงจะมียานอนหลับแบบอ่อนๆอยู่ด้วย ความคิดหลายอย่างแวบเข้ามาในสมองของเด็กหนุ่ม ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับ แปงได้ยินเสียงเปิดประตูเบาๆ เขาจึงสะดุ้งตื่นแล้วรีบลุกไปดู สิ่งที่เขาพบคือความว่างเปล่า มีเพียงขนมในถุงพลาสติก และกระดาษโน้ตสีหวานที่เขียนไว้ว่า “หลับฝันดีนะแปง” ทำเอาเด็กหนุ่มยิ้มออกมาอย่างอามรณ์ดี
สองสามคืนถัดมา ไลลาสาวน้อย ผมสีทอง สวมฮู้ดสีแดง ในมือถือถุงขนม เดินย่องไปที่ห้องแปงอย่างเคย เธอค่อยๆแย้มประตูห้องเด็กหนุ่ม ไลลายิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนบรรจงแขวนถุงขนมที่ลูกบิดประตูอย่างเบามือ เมื่อเธอหันหลังจะเดินกลับไป เด็กสาวก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นแปงยืนกอดอกอยู่ด้านหน้าเธอ “หวัดดีไลลามาคุยกันหน่อยสิ”
ในขณะที่ทั้งคู่นั่งอยู่ข้างกันที่ดาดฟ้าชั้นบนสุดของโรงพยาบาล
“ถ้าอยากเป็นเพื่อนกัน ก็ออกมาเจอกันดีๆสิ ทำไมต้องทำลับๆล่อๆด้วย ไม่เข้าใจ ทำอย่างกับโรงจิตแอบตามอย่างนั้นละ” พอพูดจบ แปงก็นึกด่าตัวเองในใจที่ปากเสีย คุยกับผู้หญิงครั้งแรกก็เผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา
“ไม่ใช่ซักหน่อย ชั้นก็แค่ตามมาดู กลัวว่าเธอคิดจะทำอะไรบ้าๆ ลงไปต่างหาก” ไลลาหน้าแดงด้วยความอาย
แปงมองไปรอบๆ เขามาอยู่ที่โรงพยาบาลซักพัก แต่ไม่เคยขึ้นมาบนนี้เลย ปกติดาดฟ้าทั่วๆไปจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง แต่ดาดฟ้าโรงพยาบาลนี้กลับล้อมรั้วสูงแน่นหนา “ถ้ามีใครอยากจะโดดลงไป คงต้องใช้ความพยายามมากหน่อย” แปงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างมองสำรวจรั้ว แล้วจู่ ๆ เขาก็เกิดเห็นภาพเดจาวู เห็นผีสาวที่เคยเกาะอยู่ที่เพดานห้องเขา แต่วันนี้เธออยู่ในร่างปกติ สวมชุดคนไข้ยืนก้มหน้า ก่อนจะกระโดดตึกผ่านรั้วลงไป
“เฮ้ย” แปงตกใจจนผงะเอนตัวไปด้านหลัง ไลลาเอื้อมมือมาจับมือเขาไว้ “แปงเป็นอะไร” เขาหันไปสบตาสาวน้อย “เธอเห็นเหมือนกันใช่ปะ” ไลลาพยักหน้า “ที่แปงเห็นคือพี่น้ำหวาน ที่เคยรักษาตัวอยู่ห้องที่แปงอยู่ตอนนี้ เธอมาโดดตึกที่นี่ทุกคืนนั้นละ”
แปงนั่งอึ้งนึกสงสารเธอ ถ้าคุณอยู่ในโลกปกติ ใช้ชีวิตไปตามธรรมดา ก็จะไม่มีวันเข้าใจว่า การที่มาเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่อสู้กับโรคร้าย ต่อกรกับโชคชะตา มันเจ็บปวดแค่ไหน เขาคิดแทนพี่น้ำหวานผีสาวตนนั้น เธอคงอยากจะหนีจากโรค จนต้องตัดสินใจหนีจากโลกนี้ไป
ไลลาสาวน้อยร่างเล็ก สูงไม่เกิน 155 เซนติเมตร หน้าตาจัดว่า เป็นคนสวยน่ารัก เธอย้อมผมสีทองสวย เรียกได้ว่าถ้าเจอกันนอกโรงพยาบาลคงต้องมีมองกันเหลียวหลังบ้างละ ไลลาถอดเสื้อฮู้ดสีแดงตัวโคร่งที่เธอสวมอยู่ยื่นให้แปง “สวมเสื้อตัวนี้แล้ว มันจะช่วยกันไม่ให้วิญญาณรบกวน” “แล้วเธอละ” แปงถามอย่างเป็นห่วง แต่ก็รีบรับเสื้อมาสวมอย่างไม่รีรอ เขามองสาวน้อยที่พอถอดเสื้อฮู้ดแล้ว ก็อยู่ในชุดผู้ป่วยเหมือนเขา
“เราอยู่โรงพยาบาลจนชินแล้วไม่กลัวหรอก” ไลลายิ้มออกมาอย่างสดใส ช่างเป็นรอยยิ้มธรรมดาๆ เรียบง่าย ที่ไม่ฝืนธรรมชาติ ช่างเป็นความธรรมดา ที่มีความพิเศษช่วยเยียวยาความรู้สึกภายใจของเด็กหนุ่มโดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย
หลังจากวันนั้นแปงกับไลลาก็ตัวติดกัน ไม่ว่าแปงจะไปไหนในโรงพยาบาล ไลลาก็มักจะไปด้วย สาวน้อยรู้จักหมอ และพยาบาลเกือบทุกคน แม้แต่แม่ของแปงก็ยังอดเอ็นดูไลลาไม่ได้ “วันนี้ไลลาไม่มาเล่นกับลูกเหรอ” แม่ของเด็กหนุ่มถามขณะปอกแอปเปิ้ลใส่จานให้ลูกชาย
“ไลลาไม่ได้ว่างทุกวันนะแม่ เขาก็ป่วยเหมือนผม อาจจะโดนหมอกักตัวไว้ ไม่ให้ออกมาก็ได้” แปงพูดเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่จริงแล้วเขาหงุดหงิดที่เธอหายหน้าไป ที่ลึกลงไปกว่าความหงุดหงิด ก็คือความกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
โรคที่ไลลาเป็นร้ายแรงกว่าโรคหัวใจเขามาก โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS เป็นโรคที่เซลล์ประสาทเสื่อมสภาพ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีทางรักษา ได้แต่รักษาไปตามอาการ และใช้ยาเพื่อชะลอการดำเนินของโรค สิ่งที่แปงกลัวที่สุด หลังจากที่อ่านข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ตคือ ผู้ป่วยมักจะเสียชีวิต หลังจากแสดงอาการประมาน 2-3 ปี ถ้าเทียบกับแปงแล้ว ถ้าเขาได้รับการเปลี่ยนหัวใจ เขาก็จะหายดี แต่ปัญหาคือคิวการรอหัวใจที่จะถูกนำมาเปลี่ยน ดังนั้นเขากับไลลาก็ตกที่นั่งเดียวกัน คือแต้มต่ออัตราในการรอดชีวิตของเขา และเธอก็พอๆกัน แปงถอนหายใจยาว มือของแม่เอื้อมมาลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน “ชีวิตคนเรามันสั้นนะลูก แปงต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขรู้ไหม”
ขณะเดียวกันที่ห้องผู้ป่วยอีกห้อง ไลลาก็กอดเข่าก้มหน้า ซ่อนน้ำตาที่เอ่อออกมา พ่อของเธอเป็นหมออาวุโสของโรงพยาบาลนี้ เขาพยายามทำทุกอย่างให้ลูกสาวคนเดียวอามรณ์ดีขึ้น แต่ก็ดูไม่เป็นผล ไลลาคือสิ่งสุดท้ายในชีวิตเขา หลังจากสูญเสียภรรยาไปด้วยโรค ALS ที่ยื้อมาได้ถึง 10ปี ไลลาก็เป็นโรคเดียวกับแม่ของเธอ
“หนูกลัวว่าจะพูดไม่ได้อีก หายใจเองไม่ได้ ต้องทานอาหารทางสายยางเหมือนแม่ มันทรมานมาก พ่อรู้ไหม หนูอยากจะสู้ อยากจะมีชีวิต อยากจะอยู่กับพ่อ อยากเจอแปงไปเรื่อย ๆ แต่โรคที่หนูเป็นมันโหดร้ายเหลือเกิน” พอได้ฟังความในใจของลูกสาว ผู้เป็นพ่อถึงกับเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนน้ำตา
“มาช้าจังเลยนะ” แปงสวมฮู้ดสีแดง สองมือล้วงกระเป๋า นั่งรอไลลาอยู่บนดาดฟ้า ทักขึ้นเมื่อเห็นไลลาที่นัดกันไว้มาสาย ไลลาเดินมานั่งข้างๆเด็กหนุ่ม ทั้งคู่นั่งเงียบไม่พูดไม่จากัน ก่อนเด็กหนุ่มจะยกมือขึ้นมา ขยี้หัวเด็กสาวอย่างเอ็นดู “ทำไมมาช้าจัง แอบร้องไห้อยู่เหรอ” แปงถามเด็กสาว ไลลาไม่ตอบ แต่ตาที่บวมแดงของเธอก็คือคำตอบ
เมื่อสองวันก่อน แปงวูบหมดสติ จนต้องถูกส่งตัวไปห้องฉุกเฉิน แปงจำเหตุการณ์ไม่ได้ รู้แค่ว่าวูบๆมึนๆ พอแพทย์วัดสัญญาณชีพคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เขาก็ตาเหลือก ลอย ไม่มีสติ คลื่นหัวใจของแปงดูประหลาดมาก แต่ก็ยังคลำชีพจรได้อยู่ ทั้งหมดเกิดจากกระแสไฟฟ้าของหัวใจห้องที่ไม่บีบเลือดเกิดเต้นผิดจังหวะ พอแพทย์ใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจช็อตไฟฟ้าที่หน้าอก แปงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับปาฎิหาริย์
“ตอนที่แปงสลบไป แปงไปไหนมา” ไลลาถามเด็กหนุ่ม “ไม่ได้ไปไหน แต่เราเห็นคนนุ่งผ้าแดง 4 คนมายืนรอเราอยู่ข้างเตียง” แปงตอบกวนๆ แล้วถอนหายใจด้วยความประหม่า ก่อนจะล้วงแหวนเงินที่มีพลอยสีแดงเป็นรูปหัวใจออกมาให้เธอ “เป็นแฟนกันไหม” เขาข่มความอายพูดออกมา และแกล้งมองไปทางอื่น แต่สิ่งที่เขาเห็นคือวิญญาณพี่น้ำหวานมายืนอยู่ที่ประจำของเธอ
“พ่อเราสอนว่า ไลลาอย่าไปหักอกใครนะ เขามีหัวใจแค่ดวงเดียว ให้หักกระดูกแทน กระดูกมีตั้ง 206 ชิ้น” แล้วก็รีบสวมแหวนอย่างดีใจ ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มแปงโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ทำเอาแปงหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เป็นจังหวะเดียวกับที่วิญญาณพี่น้ำหวานกระโดดลงไปจากตึกอีกครั้ง
“อิจฉาคนมีแฟนว่ะ ถ้าเข้าโรงพยาบาลแล้วได้แฟน กูมาแอดมิทเข้าโรงพยาบาลบ้างดีไหม” ไอซ์ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนซี้แปงพูดขึ้น ขณะที่ทั้งคู่นั่งเล่นเกมฟุตบอลกันในห้องผู้ป่วย
“มึงอย่าไปพูดจาประหลาดๆแบบนี้ให้ใครได้ยิน อยากมีแฟนก็หาซักคนในโรงเรียนสิวะ” แปงตอบในขณะที่ตาจ้องจอทีวี มือกดคอนโซลเกม ตาไม่กระพริบ ไอซ์หันมาตบหัวเพื่อนเสียงดัง “หาที่โรงเรียน เดี่ยวนี้มีแฟนแล้ว พูดข่มเพื่อนนะมึง โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนชายล้วน เผื่อมึงจะจำไม่ได้ เพราะไม่ได้ไปโรงเรียนนานแล้ว” ไอซ์อดไม่ได้ที่แดกดันแปง ก่อนจะรู้สึกผิดสังเกตที่แปงเงียบไป ไม่ตอบโต้เหมือนเคย ก่อนจะอุทานออกมาว่า “ไอ้แปง ซวยละ” ภาพแปงที่วูบหมดสติ ตาเหลือกต่อหน้าเขา ทำให้เขาต้องรัวปุ่มฉุกเฉินในห้องอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อแปงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด เขาเจ็บระบมไปทั้งตัว คอก็แห้งผากเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายวัน ภาพครอบครัวที่ยืนอยู่รอบๆ เตียงเขา และมีหมอประกิต พ่อของไลลาที่มองเขาด้วยความเป็นห่วง แปงพยายามสะบัดหัว ให้หายจากความมึนงงจากฤทธิ์ยา
“ไลลาละครับ ผมช็อกไป ไลลาคงเป็นห่วง ผมอยากบอกเธอว่าผมไม่เป็นไร” ตอนที่แปงสลบไป เขาฝันถึงเธอ ไลลาสวมชุดกระโปรงสีขาว ส่งยิ้มมาให้เขา พอเขาเดินไปหาเธอ ไลลาก็กลายเป็นผีเสื้อแล้วสลายไป ทุกคนมองหน้ากันอย่างอึดอัด และไม่พูดอะไร หมอประกิตเอื้อมมือมาบีบไหล่เด็กหนุ่มก่อนจะพูดว่า “แปง ฟังสิ่งที่ลุงจะพูดต่อไปนี้ให้ดีนะ”
แปงนอนร้องไห้อย่างเจ็บปวดคนเดียวในห้องพักผู้ป่วย ไลลาช็อกไป ในจังหวะเดียวที่แปงหัวใจวาย ในวินาทีที่แสงเทียนชีวิตของไลลาดับลง หมอประกิตผู้เป็นพ่อตัดสินใจเซ็นบริจาคหัวใจของลูกสาว มาผ่าตัดเปลี่ยนให้แปงตามความตั้งใจของเธอ
ภายนอกของเด็กหนุ่มแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าเขาเข้มแข็ง และเข้าใจเหตุผลของแฟนสาว แต่ภายในเขากลับรู้สึกพังทลาย แปงนอนร้องไห้โดยเอาผ้าห่มคลุมหัวไว้ เขาไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงเขาร้องไห้ และรู้สึกสงสารเขา
“ลุงรู้มาตลอดว่า เวลาของไลลาใกล้หมดลงทุกที โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นโรคที่โหดร้ายมาก ถึงเธออยากจะบอกลาแปงด้วยตัวเองก็คงทำไม่ได้ ลุงไม่อยากเห็นความสิ้นหวังในแววตาของลูกสาว ถึงยอมทำตามความต้องการของลูก ที่อยากจะบริจาคหัวใจให้แปง พอไลลารู้ว่าลุงยอมอนุญาต เธอก็ดีใจมาก แววตาของเธอเป็นประกายระยับระยับ เปล่งประกายกว่าครั้งไหน ๆ ที่ลุงเคยเห็นเธอ สัญญากับลุง ว่าแปงจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้สมกับความตั้งใจของไลลา”
ในยามค่ำคืนในห้องผู้ป่วยห้องเดิม แปงจะได้ยินเสียงผู้หญิงพูดรัวๆเร็วๆ ไม่เป็นภาษา และจบด้วยการกรี๊ดเสียงดังทุกคืน แต่คืนนี้กลับมีเสียงเปิดประตูเบาๆ ที่หน้าห้องเขา แสงสว่างที่ลอดเข้ามา ทำให้เขาเห็นผู้หญิงผมสีทองสวมฮู้ดสีแดงผ่านหน้าห้องเขาไป “ไลลา” แปงรีบลุกจากเตียง วิ่งไล่ตามเธอไป
จนเขามารู้ตัวอีกที ก็ยืนอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล ที่เขาเคยมากับไลลาบ่อยๆ แล้วไลลาก็โดดผ่านรั้วตกลงไปเบื้องล่าง แต่คราวนี้เธอไม่ตกลงไป แต่กลับลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ณ.อีกด้านของรั้ว มือของหญิงสาวยื่นออกมาหาเขา “แปง มากับไลลาสิ ตอนนี้เราไม่เจ็บปวดแล้ว เราคิดถึงแปงนะ เราเป็นแฟนกัน ไปอยู่ด้วยกันเถอะ” เด็กหนุ่มรู้สึกเลื่อนลอยอย่างประหลาด เขาปีนขึ้นไปบนรั้วอย่างว่าง่าย เมื่อปีนไปครึ่งทาง ก็มีเสียงพี่น้ำอ้อยพยาบาลสาวที่ไม่รู้ว่ามายืนด้านหลังแปงตั้งแต่เมื่อไหร่ร้องห้ามไว้
“น้องแปงทำอะไรคะ หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามปีนต่อนะคะ” สองมือของเธอพยายามไขว่คว้าเพื่อจะดึงตัวแปงไว้ แต่เด็กหนุ่มปีนขึ้นไปไกลเกินกว่ามือเธอจะเอื้อมไปถึง แปงหันมองพยาบาลน้ำอ้อย ที่เสียงเธอเรียกสติ ทำให้เขาหลุดจากภวังค์ สลับกับมองไลลาที่รอเขาอยู่อีกฝั่ง “ผมต้องไป ไลลาอยู่คนเดียวคงจะเหงามาก”
“แต่นั้น ไม่ใช่ไลลานะคะ” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แปงก็จับอามรณ์ไม่ถูก “น้องน้ำหวาน พี่บอกให้พอได้แล้ว ปล่อยน้องแปงเดี๋ยวนี้” แปงหันกลับไปมองนอกรั้ว ก็เห็นผีพี่น้ำหวานท่าทางโกรธจัด และเสียใจขีดสุด เธอกรี๊ดอย่างโหยหวนก่อนจะร่วงลงไปกระแทกพื้นด้านล่าง
“แปง รีบลงมาเร็ว” เสียงไลลาที่แสนจะคุ้นเคย ดังเข้ามาในภวังค์ของเขา ถึงแม้ว่าพี่น้ำอ้อยจะเป็นคนพูดออกมา แต่ลึกๆ เขารู้ดีว่า คนที่มาช่วยเขาต้องเป็นไลลาที่เขาคิดถึง วินาทีที่เขาลงมาถึงพื้น ร่างพี่น้ำอ้อยก็สวมกอดเขาไว้แปงร้องไห้โฮออกมา เขาร้องไห้อย่างหนักจนเขานึกแปลกใจ ว่าตัวเองเก็บความรู้สึกมากมายขนาดนี้ไว้ได้อย่างไร
“ขอแปงใช้ชีวิตในแบบที่ชอบนะ เราอยากเห็นเธอมีความสุข ลาก่อนนะ แปง คนที่เป็นทั้งจักรวาลของเรา”
3 ปีถัดมา แปงที่อยู่ในชุดนักศึกษาปีหนึ่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยืนรอไอซ์เพื่อนสนิทของเขา ตอนนี้ไอซ์เรียนอยู่ปีสอง แต่เขาเรียนช้าจากเพื่อนคนอื่นไป1ปี เนื่องจากพักฟื้นจากการผ่าตัดหัวใจ
แม้อากาศจะร้อน แต่แปงก็สวมเสื้อฮู้ดสีแดงยืนเด่น จนคนที่เดินผ่านไปเหลียวมอง รวมทั้งนักศึกษาสาวหน้าตาดีผมยาว เธอสะกิดเพื่อนให้มองชายหนุ่มหน้าหวาน มีลักยิ้ม ที่ยืนอยู่คนเดียว แปงหันไปสบตาเธอ ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับ สดใสคล้ายแววตาใครบางคนที่เขาเคยรู้จัก แปงอมยิ้มกับตัวเอง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์ไลลา โทรไปทั้ง ๆที่รู้ว่าไม่มีคนรับ และก็ไม่มีคนรับจริงๆ
“วันนี้ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกแล้ว” เขาพึมพำ เป็นจังหวะเดียวกับไอซ์ที่เดินเข้ามาหา “ทำอะไรอยู่ว่ะ กูมาช้านิดเดียว แอบโทรหาใคร” “กูโทรหาไลลา” ชายหนุ่มตอบเสียงนิ่งๆ “โทรไปอีกแล้วเหรอ โทรไปทำไม” ไอซ์เสียงเครียด เขากลัวว่าเพื่อนจะคิดสั้น จนทำอะไรบ้าๆ อย่างเช่น ปีนรั้วดาดฟ้าโรงพยาบาลอีก “เออน่า นานทีๆ ก็ลองโทรหาดู กะจะโทรไปถามว่า เจอคนถูกใจแล้ว ขอจีบได้ไหม” แปงอธิบาย “เพื่อนกูมันร้าย สาวคนไหน คณะอะไร”
แปงชี้ไปทางโรงอาหารที่สาวน้อยตัวเล็ก ตาสวยเดินไป “มึงตาถึงนะ สาวๆคณะสังคมศาสตร์ชอบไปนั่งกันที่โรงอาหารนี้ ไปๆ กูพาไปขอไลน์” ไอซ์รีบกอดคอเพื่อนลากไปทางโรงอาหารอย่างร่าเริง โดยมีเสียงหัวใจของแปงเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างมีความสุข
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ pinkylovecat ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ pinkylovecat
ความคิดเห็น